พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก คือคัมภีร์ที่บรรจุคำสอนของพระศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าเป็นคัมภีร์สูงสุดในพระพุทธศาสนา โดย คำว่าพระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลีคือ ติปิฏก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือคำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฏก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) แบ่งออกเป็น ๓ ปิฎก คือ
๑. พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุและภิกษุณี ๒. พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ ๓. พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องราวประกอบ
โดยเนื้อความทั้งหมดของพระไตรปิฎกจัดแบ่งเป็นหมวด ๆ หรือ ขันธ์ มีจำนวน ๘๔, ๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็น พระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และพระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ซึ่งในการจัด พิมพ์ฉบับพิมพ์ภาษาไทยนิยมจัดแยกเป็น ๔๕ เล่ม หมายถึงระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งพุทธกิจ แบ่งเป็น พระวินัยปิฎก ๘ เล่ม พระสุตตันตปิฎก ๒๕ เล่ม พระอภิธรรมปิฎก
พระวินัยปิฎก ว่าคือหมวดประมวลพุทธบัญญัติที่ว่าด้วยวินัย หรือข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความประพฤติ ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิธีดำเนินการต่าง ๆ ของภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ โดยแบ่งเป็นสองส่วนคืออาทิพรหมจริยกาสิกขา และ อภิสมาจาริกาสิกขา
อาทิพรหมจริยกาสิกขา หมายถึง หลักการศึกษาอบรมในฝ่ายบทบัญญัติหรือข้อปฏิบัติอันเป็นเบื้องต้นแห่ง พรหมจรรย์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เพื่อป้องกันความประพฤติ ที่เสียหายและวางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดโดยปรับอาบัติหนักบ้าง เบาบ้าง และให้พระสงฆ์สวดทุกกึ่งเดือน เรียกว่า พระปาติโมกข์
อภิสมาจาริกาสิกขา หมายถึง หลักการศึกษาอบรมในฝ่ายขนบธรรมเนียมเกี่ยวกับมารยาทและความเป็นอยู่ที่ดีงาม เพื่อชักนำให้พระสงฆ์มีความประพฤติ ความเป็นอยู่ดีงาม มีคุณค่า น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา
พระสุตตันตปิฎก คือประมวลพุทธพจน์ ที่ว่าด้วยพระธรรมเทศนา หรือธรรมบรรยาย ต่างๆ ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เหมาะสมแก่บุคคล เหตุการณ์ ในโอกาส เวลาและสถานที่ต่างกัน โดยเป็นรูปคำสนทนาโต้ตอบบ้าง ในรูปร้อยกรองบ้าง ร้อยแก้วบ้าง ร้อยแก้วผสมร้อยกรองบ้าง ตลอดถึงธรรมเทศนาของ พระสาวก และพระสาวิกาที่กล่าวตามแนวพระพุทธพจน์ในบริบทต่างๆ ด้วย
พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพระสูตรทั้งหลายในที่ต่างๆกัน เนื่องในโอกาส ๔ ประการ คือ
๑. อัตตัชฌาสยะ แสดงขึ้นโดยอัธยาศัยของพระพุทธเจ้าเอง
๒. ปรัชฌาสยะ แสดงขึ้นโดยตามอัธยาศัยของผู้อื่น
๓. ปุจฉาวสิกะ แสดงขึ้นจากการทูลถาม
๔. อัตถุปัตติกะ แสดงขึ้นโดยปรารภจากเหตุที่เกิดขึ้น
๑. อัตตัชฌาสยะ แสดงขึ้นโดยอัธยาศัยของพระพุทธเจ้าเอง
๒. ปรัชฌาสยะ แสดงขึ้นโดยตามอัธยาศัยของผู้อื่น
๓. ปุจฉาวสิกะ แสดงขึ้นจากการทูลถาม
๔. อัตถุปัตติกะ แสดงขึ้นโดยปรารภจากเหตุที่เกิดขึ้น
พระอภิธรรมปิฎก
ประมวลพระพุทธพจน์หมวดพระอภิธรรม
คือ หลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ
ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ แบ่งเป็น
๗ คัมภีร์ (เรียกย่อหรือหัวใจว่า สํ วิ ธา ปุ ก ย ป) คือ
๑. สังคณี หรือ ธัมมสังคณี
รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้วอธิบายทีละประเภท ๆ
๒. วิภังค์ ยกหมวดธรรมสำคัญ ๆ ขึ้นตั้งเป็นหัวเรื่องแล้วแยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด
๒. วิภังค์ ยกหมวดธรรมสำคัญ ๆ ขึ้นตั้งเป็นหัวเรื่องแล้วแยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด
๓. ธาตุกถา สงเคราะห์ข้อธรรมต่าง ๆ เข้าในขันธ์ อายตนะ ธาตุ
๔. ปุคคลบัญญัติ บัญญัติความหมายของบุคคลประเภทต่างๆ
ตามคุณธรรมที่มีอยู่ในบุคคลนั้นๆ
๕. กถาวัตถุ แถลงและวินิจฉัยทัศนะของนิกายต่างๆ สมัยสังคายนาครั้งที่
๓
๖. ยมก ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ
โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ๆ
๗. ปัฏฐาน หรือ มหาปกรณ์ อธิบายปัจจัย๒๔
แสดงความสัมพันธ์เนื่องอาศัยกันแห่งธรรมทั้งหลายโดยพิสดาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น